เยี่ยมชมงานพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย
ประวัติพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย
วัตถุประสงค์
ตั้งแต่ก่อตั้งมาจนถึงปัจจุบัน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด
(มหาชน) มีเอกสารสำคัญ และเครื่องมือเครื่องใช้จำนวนมาก อันบ่งบอกถึง
วิวัฒนาการแห่งความเจริญก้าวหน้า ในระบบการเงินการธนาคารของประเทศ
ซึ่งสะท้อนให้เห็น ภาพในอดีตได้อย่างชัดเจน
และด้วยตระหนักถึง คุณค่าของความรู้ อันสืบเนื่องมาจาก
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ของระบบการเงินการธนาคาร ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่า
และเป็นของหายากในปัจจุบัน ธนาคารจึงได้จัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย”ขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ในการจัดแสดง สิ่งของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์
ด้านการเงินการธนาคารของชาติ สำหรับเป็นแหล่งค้นคว้าด้านวิชาการ
อันเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ซึ่งสามารถใช้เป็นที่ค้นคว้าเพิ่มต่อไปได้
ธนาคารได้ทำพิธีเปิด พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทยแห่งนี้ เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2539 ณ บริเวณชั้น 2 อาคารพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย และในโอกาสครบรอบ 100 ปี ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ดำเนินการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย
และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2550
วิวัฒนาการเงินตรา
ก่อนที่จะนำเงินตรามาใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายกันดังในปัจจุบัน
คนเราได้นำระบบการแลกเปลี่ยนผลิตผลของตน
กับสิ่งอื่นที่ต้องการมาใช้ตั้งแต่ก่อนสมัยประวัติศาสตร์แล้ว
แต่การแลกเปลี่ยนโดยตรงที่กล่าวนี้ไม่สะดวก เนื่องจากผลิตผลบางชนิด
เป็นสิ่งมีชีวิต เช่น สัตว์เลี้ยงไม่สามารถตัดแบ่งกันได้
สินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนกัน มีคุณภาพไม่เท่ากัน
นอกจากนี้ความต้องการของผู้ที่มีผลิตผล
ที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน การแลกเปลี่ยนจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้
เพื่อให้การแลกเปลี่ยนเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย
คนเราจึงเริ่มนำเอาวัตถุมีค่าบางชนิด ซึ่งถือกันว่า เป็นของมีค่าในสังคมขณะนั้น
มาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน วัตถุที่นำมาใช้เป็นสื่อกลางนี้
มีหลากหลายชนิดแตกต่างกันไปในแต่ละสังคม และยุคสมัย เช่น ปศุสัตว์ ลูกปัด เกลือ
เปลือกหอย ขนนก ขวานหิน หัวลูกธนู หนังสัตว์ ฟันปลาวาฬ เครื่องประดับ โลหะต่าง ๆ
เป็นต้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้
คนเราได้นำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน จึงเกิดระบบการแลกเปลี่ยน
โดยใช้สื่อกลางขึ้น ในบรรดาสิ่งต่างๆ ที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
มากมายหลายชนิดนั้น แร่เงินและแร่ทองคำ มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า ผลิตผลทางการเกษตร เช่น หายาก คงทน
ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทอนค่าลงได้ โดยไม่เสียคุณสมบัติเดิม
หลอมรวมกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้นได้ พกพาสะดวก ทำเครื่องประดับได้งดงาม
ผู้คนในสังคมต่างๆ ทั่วโลก จึงนิยมใช้โลหะทั้งสองชนิด เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
วิวัฒนาการธนาคาร
การเก็บอาหารและสิ่งมีค่านั้น เป็นนิสัยอย่างหนึ่ง
ที่คนเราประพฤติปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยโบราณ
ควบคู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแล้ว
เมื่อมีการนำสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเข้ามาใช้ การเก็บรักษาทรัพย์สินตลอดจนอาหาร
จึงค่อยๆ เปลี่ยนรูปมาเป็น การเก็บออมสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
สถานที่ซึ่งสามารถอำนวยความปลอดภัย
ในการเก็บรักษาสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนจึงเกิดขึ้น
ต่อมา สถานที่รับฝากเหล่านี้
ได้นำสิ่งของสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ที่รับฝากไว้ และมีจำนวนมากออกให้ยืม
โดยได้รับผลตอบแทน กิจการธนาคารจึงเกิดขึ้น
ครั้นเมื่อมีการนำโลหะเงิน
และโลหะทองมาใช้เป็นเงินตราแล้ว ด้วยมาตรฐานของเงินตรา
ที่เป็นโลหะที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกชิ้น จึงทำให้เกิดความสะดวก
ในการชำระหนี้มากขึ้น การค้าขายจึงแพร่หลาย กว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อการเดินเรือสามารถทำได้กว้างขวางขึ้น การค้าขายทางทะเล
ก็สามารถทำได้กว้างขวางตามไปด้วย ความจำเป็นในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างสกุล
ซึ่งมีน้ำหนัก และความบริสุทธิ์ของเนื้อเงินต่างกันก็เกิดขึ้น
การส่งเงินไปชำระหนี้ และการรับฝาก การเรียกเก็บเงิน การให้กู้ยืมเงิน
จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจการธนาคาร แพร่หลายและรุ่งเรืองต่อมา
ต้นแบบธนาคารไทย
การติดต่อและค้าขายกับต่างประเทศ
ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นเหตุสำคัญ ทำให้ต่างประเทศเห็นเป็นช่องทาง
ที่จะหาประโยชน์ จากการที่ประเทศไทยขาดธนาคาร ที่จะทำธุรกิจ การธนาคารพาณิชย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ธุรกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ
จึงได้เข้ามาเปิดสาขา ดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่ พุทธศักราช 2431
เป็นต้นมา
และในที่สุด สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ทั้ง 3
แห่ง ได้จัดพิมพ์ และนำบัตรธนาคาร เข้ามาใช้ในระบบการเงินของไทยด้วย
ในระยะต่อมา
ด้วยความสำคัญของธุรกิจการธนาคาร
ที่มีต่อการค้าและเศรษฐกิจของประเทศนั้น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย
เสนาบดี กระทรวงพระคลังมหาสมบัติในขณะนั้น จึงทรงคิดตั้ง ธนาคารของชาติ
หรือธนาคารกลางขึ้นก่อน เพื่อที่จะให้เป็น ตัวแทนทางการเงินของรัฐบาล
แล้วยังจะทรงให้ ธนาคารของชาตินี้ เป็นผู้พิมพ์ธนบัตรของประเทศขึ้น
และนำออกใช้อีกด้วย แต่ก็ต้องทรงระงับความคิดนี้ไว้
เนื่องจากบรรดาที่ปรึกษาทางการเงิน
ชาวต่างประเทศพากันคัดค้าน พระองค์จึงทรงหันไป ปรับปรุงมาตราหน่วยเงินของไทย
ให้เป็นระเบียบ แต่เพียงประการเดียว โดยทรงพิจารณา ลดหน่วยเงินตราของไทยลง จากเดิม
9 หน่วย ได้แก่ ชั่ง ตำลึง บาท สลึง เฟื้อง ซีก เสี้ยว อัฐ
และโสฬส ให้เหลือเพียง 2 หน่วย ได้แก่ “บาท” และ “สตางค์” อันเป็นระบบทศนิยม ทำให้สะดวกแก่การคิดคำนวณ และลงบัญชี ในพุทธศักราช 2441
พร้อมกับได้เริ่มติดต่อกับประเทศอังกฤษ เพื่อพิมพ์ธนบัตร
เข้ามาใช้ใน พุทธศักราช 2445
ระบบการเงินของไทย จึงประกอบด้วย
เหรียญกษาปณ์ และธนบัตร เมื่อได้จัดรูปแบบของ ระบบเงินตราของประเทศเรียบร้อยแล้ว
จึงประกาศยกเลิกการใช้เงินพดด้วง ชำระหนี้ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม พุทธศักราช 2447
ส่วนทางด้านความคิด
จะจัดตั้งธนาคารขึ้นนั้น เมื่อยังไม่สามารถ จัดตั้งธนาคารของรัฐขึ้นได้
กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย จึงทรงหันไปพิจารณา ธนาคารของเอกชน หรือธนาคารพาณิชย์
ซึ่งทรงตระหนักดี ถึงความจำเป็นของประเทศ ที่ต้องมีการค้าขายกับต่างประเทศ
ซึ่งมีปริมาณสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังทรงเห็นถึงความยากลำบาก
ของบรรดาพ่อค้าชาวไทย และจีน ที่ต้องติดต่อขอใช้บริการจาก
สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ที่มีอยู่ในขณะนั้น แต่ก็มิได้รับความสะดวก ประกอบกับ
การที่ประเทศไทยยังไม่มีธนาคารพาณิชย์ ที่เป็นของคนไทยมารองรับ
พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัย
ที่จะจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ขึ้นมาให้จงได้ จึงทรงเห็นว่า
น่าที่จะทดลองดำเนินงานดูก่อน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้
มีความรู้ในการบริหารธนาคารขึ้นแล้ว เมื่อจะขยายกิจการให้ใหญ่โตต่อไป ก็จะสามารถนำประสบการณ์
ไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้
ที่สำคัญคือ เป็นการฝึกให้ชาวไทย
มีความรู้ในด้านการบริหารธนาคารพาณิชย์อีกด้วย พระองค์ทรงจัดหาเงินลงทุนได้ จำนวน 30,000
บาทแล้ว ก็ทรงเตรียมการจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก
โดยยื่นขออนุญาตจัดตั้ง “บุคคลัภย์” ขึ้น
เริ่มสั่งซื้อกระดาษ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ
ติดต่อขอเช่าตึกแถวของพระคลังข้างที่ ตำบลบ้านหม้อ พร้อมทั้งจัดหาพนักงาน
รวมทั้งผู้จัดการไว้ เตรียมทำพิธีเปิดดำเนินการต่อไป เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว
ไทยพาณิชย์กับการก้าวสู่ยุคปัจจุบัน
ภาพพจน์ของธนาคารไทยพาณิชย์
ที่ปรากฏในความรู้สึกของสาธารณชน คือ ความมั่นคง มีผู้บริหารมืออาชีพ
มีความเจริญเติบโตสูง เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีการธนาคาร ในขณะที่มุ่งเน้น
การนำเทคโนโลยีใหม่ มาบริการแก่ลูกค้า แต่ก็สามารถรักษาผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น
ลูกค้าและพนักงานของธนาคาร
การนำเทคโนโลยี เข้ามาให้บริการแก่ลูกค้า
นอกจากจะอำนวยความสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังคำนึงถึงการเพิ่มคุณค่า
ในบริการที่ให้แก่ลูกค้า และการแพร่ขยายธุรกิจไป ในด้านต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งนี้
นับตั้งแต่ธนาคาร ได้นำระบบบริการเงินด่วน ATM เข้ามาบริการแก่ลูกค้า
เป็นธนาคารแรกในประเทศไทยแล้ว ก็ดูเหมือนว่า เป็นก้าวสำคัญ
ของการเปลี่ยนแปลงของการธนาคารพาณิชย์ไทย ไปสู่การเป็นธนาคารใน ระบบธนาคารพาณิชย์
สมัยใหม่ จากนั้นธนาคาร ได้สร้างศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ไทยพาณิชย์ขึ้น
เพื่อเก็บสำรองข้อมูล และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา และให้บริการแก่ลูกค้า
และยังใช้เป็นข้อมูล ในการตัดสินใจด้านการบริหารที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น