
ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจกรุงไทยลดลงสะท้อนนักธุรกิจยังมีความกังวลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
ชี้ความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขึ้นอยู่กับการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ
กรุงไทยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจจากร้อยละ 3.9 เหลือร้อยละ 3.0 – 3.5
นายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส
สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักธุรกิจในช่วงไตรมาสแรก
พบว่าปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 51.53 ตามการลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นทั้งในปัจจุบันและอนาคต
หลังเศรษฐกิจในไตรมาสแรกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด
แม้ภาครัฐได้เร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
แต่การบริโภคภาคเอกชนยังถูกบั่นทอนจากสัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น
และการส่งออกที่หดตัว
อย่างไรก็ตาม
ดัชนีความเชื่อมั่นยังสูงกว่าระดับปกติ (50) และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่เกิดวิกฤติการเมือง (49.52) เนื่องจากเศรษฐกิจและธุรกิจโดยรวมยังมีแนวโน้มฟื้นตัว
อีกทั้งมีปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น
ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ
และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ซึ่งจะส่งผลบวกต่อต้นทุนธุรกิจ รวมถึงมีความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการลงทุนภาครัฐ
ที่จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในครึ่งปีหลัง
นายพูลพัฒน์
ศรีเปล่ง กล่าวต่อไปว่าธุรกิจส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นลดลง
ทั้งในภาคอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเกษตร ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์
รวมถึงธุรกิจการเงิน ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน
ส่งผลให้สินเชื่อและคุณภาพหนี้ลดลง โดยเฉพาะรายย่อย ส่วนธุรกิจเกษตรเป็นธุรกิจเดียวที่ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
เนื่องจากธุรกิจปศุสัตว์ มีความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
และผลผลิตขยายตัวได้ในเกณฑ์ดี
ทั้งนี้
ผลจากการส่งออกที่โตต่ำกว่าที่คาดไว้
อีกทั้งการบริโภคภาคเอกชนยังถูกกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน
และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ฝ่ายวิจัยความเสี่ยงธุรกิจ
จึงได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.9 เหลือร้อยละ 3.0 – 3.5 อย่างไรก็ตาม
การเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
จะผลักดันให้เกิดการจ้างงานและการลงทุนภาคเอกชนตามมา
และกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น