มีรายงานข่าวว่า วันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2555 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
และบริษัทในเครือของบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27 ราย เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ความผิดต่อ
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ความผิดต่อ พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ความผิดต่อ
พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และความผิดต่อ
พ.ร.บ.บริษัทมหาชน พ.ศ.2535 ภายหลังการไต่สวนพยานเสร็จสิ้น
ศาลได้ให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นคำให้การแถลงการณ์ปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 20 ส.ค.นี้ และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ส.ค.นี้
เวลา 09.30 น.
สำหรับคดีนี้เป็นการกล่าวหาว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ให้สินเชื่อกลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร
ที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร เนื่องจาก
ผอ.ฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อธุรกิจนครหลวง
เคยจัดอันดับความเสี่ยงของกลุ่มกฤษดามหานครในอันดับ 5 คือไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้
แต่ได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 3 กรณี คือ 1.การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท
อาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด จำนวน 500 ล้านบาท 2.การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท โกลเด้น
เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด วงเงิน 9,900 ล้านบาท และ 3.การอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ
บมจ.กฤษดามหานคร ให้กับบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวนเงิน 1,185,735,380 บาท ถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์
ร่วมกันหรือสนับสนุนการกระทำความผิดกรณีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ
เป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.กฤษดามหานคร โดยมิชอบ โดยเมื่อปี 2555 ศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ
จำเลย ที่1 ไว้
และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น